หนึ่งในอภิมหาโปรเจคยักษ์ Tom Clancy’s The Division จากค่ายพัฒนาเกมชื่อดังอย่าง Ubisoft ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าตัวเกมจะได้ออกมาให้ได้เล่นกันในช่วงปลายปี 2015 โน่น ทำเอาหลายๆคนที่กำลังรอคอยเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อหัวคะมำกันไม่เป็นท่า หลังจากที่เคยมีข่าวว่าจะออกมาแน่นอนในช่วงปลายปี 2014 นี้ แต่ทาง Ubisoft ก็ได้มีการย้ำชัดถึงการปล่อยตัวเกมที่เลื่อนระยะเวลาออกไปเพราะ ต้องการความพร้อม เพราะนี่ไม่ใช่เกมที่จะผลิตออกมาเพื่อหวังผลทางการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่มันคือความฝันครั้งใหญ่ที่ Ubisoft ต้องการจะทำให้ Tom Clancy’s The Division เป็นเกมที่จะตราตรึงผู้เล่น โดยเกมจะมาพร้อมกับ ขุมพลังของเอ็นจิ้นใหม่อย่าง Snowdrop ที่สร้างขึ้นมาสำหรับเกมบน Next-gen ที่ผู้เล่นจะได้เห็นความสวยงามจากการพังทลายของสิ่งของต่างๆ รวมไปถึงความสมจริงในแทบจะทุกพื้นที่ของเกม Ubisoft อยากจะให้การพัฒนาครั้งนี้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด เพราะนี่ถือเป็นโปรเจคใหญ่ที่ทาง Ubisolf และทีมผู้ร่วมพัฒนาคาดหวังเอาไว้สูงมากทีเดียว สำหรับแฟนๆที่ทำได้ในตอนนี้เห็นจะเป็นเพียงการดูภาพสกรีนช็อตที่ดูเหมือนกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์กันไปพลางๆ
สำหรับ Tom Clancy’s The Division เป็นเกมเอาตัวรอด (อีกแล้ว) ในมุมมองบุคลที่ 3 ที่จะกล่าวถึงการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสที่ลุกลามไปทั่วมหานครนิวยอร์ก ที่ผู้เล่นจะทึ่งเมื่อได้เห็นการจำลองเมืองมหานคนอย่างนิวยอร์กให้กลายเป็นนรกบนดินที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย สภาพแวดล้อมที่มีแต่ซากปรักหักพัง ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของความสิ้นหวัง เท่าที่ดูจากภาพสกีนช็อต แทบจะดูไม่ออกเลยว่านื่คือ นิวยอร์กซิตี้ มหานครที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของโลก
The Division ก็คือหน่วยที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อเข้าปฏิบัติภารกิจกลัก เปรียบเสมือนความหวังของมวลมนุษยชาติที่จะนำความสงบสุขกลับมาสู่โลกอีกครั้ง โดยสถานที่ภายในเกมจะทำให้ผู้เล่นมีอิสระในโลกออนไลน์ของ Open world ที่เปิดกว้าง แน่นอนสิ่งสำคัญคือการออกสำรวจท้องถนน เดิมที่ที่เคยเป็นย่านแห่งความเจริญ แต่ทุกอย่างกลับพังทลายจากการระบาดของเชื้อไวรัส สังคมได้ทรุดตัวไปด้วยความสับสนวุ่นวาย มนุษย์จะยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด เซ็นทรัล ปาร์ค สถานีรถไฟใต้ดิน อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพไม่มีที่ไหนมีความปลอดภัยสำหรับทุกคน
Tom Clancy’s The Division คงต้องรอกันไปสักพักใหญ่ เพราะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เกมจะมีกำหนดปล่อยให้เล่นกันในช่วงปลายปี 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น